วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ตำนานมือกาวระดับโลก “จานลุยจิ บุฟฟ่อน”


“จานลุยจิ บุฟฟ่อน” สุดยอดมือกาวชาวอิตาเลี่ยนประจำทัพ “ม้าลาย” ยูเวนตุส


หากพูกถึงผู้รักษาประตูอันดับหนึ่งของโลก จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก “จานลุยจิ บุฟฟ่อน” ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมชาติชาติอิตาลีที่ปัจจุบันสังกัดสโมสร “ม้าลาย” ยูเวนตุส

บุฟฟ่อน ก่อนที่จะมาเป็นผู้รักษาประตูเขาได้เคยเล่นตำแหน่งกองกลางมาก่อน จนกระทั่งอายุ 14 เขาต้องรับบทมือกาวจำเป็นเนื่องจากผู้รักษาประตูทั้ง 2 ราย ได้รับบาดเจ็บ และเจ้าตัวก็เผยแววความโหดออกมา หลังจากนั้นเจ้าตัวก็กลายเป็นผู้รักษาประตูตัวหลักของทีมไปโดยปริยาย


จานลุยจิ บุฟฟอน มีชื่อเล่นว่า จีจี เกิดวันที่ 28 มกราคม 1978 เป็นผู้รักษาประตูหลักของทีมชาติ อิตาลี และ ยูเวนตุส ปัจุบันอายุ 39 ปี ก่อนที่จะมาค้าแข้งกับยูเวนตุส เขาเคยเล่นให้กับสโมสร ปาร์มา มาก่อน โดนนัดแรกได้ลงประเดิมลงแข่งศึกกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี ในปี 1995 ซึ่งตอนนั้นเขาอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น และในปีถัดมาเขาได้ถูกเลือกให้ลงเล่นในระดับทีมชาตินั่นคือ โอลิมปิก 1996


จากวันนั้นถึงวันนี้ กว่า 23 ปี ในวงการฟุตบอล บุฟฟ่อนลงสนามมาแล้วกว่า 1,010 นัดโดยลงเล่นให้กับปาร์ม่า 220 นัด ยูเวนตุส 622 นัด และทีมชาติอิตาลี 168 นัด ซึ่งถือว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของยุโรป โดยตลอดชีวิตที่ผ่านมา บุฟฟ่อน เสียประตูให้กับคู่แข่ง 815 ประตู และเก็บคลีนชีทได้มากถึง 439 นัด


จานลุยจิ บุฟฟ่อน ในวัย 39 ปี ได้พิสูจน์ให้คนทั่วโลกให้เห็นแล้วว่าเขาคือสุดยอดมือกาวของโลก ด้วยตำนานที่ตัวเองสร้างขึ้นมาจนกลายมาเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่เก่งที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา ตั้งแต่อายุ 17 จนกระทั่งปัจจุบัน ก็ยังคงความโหดอยู่ มือกาวหลายคนในรุ่นราวคราวเดียวกันพากันปลดเกษียณตัวเอง หรือไม่ก็ฟอร์มตกไปหมดแล้ว แต่ตำนานก็คือตำนาน บุฟฟ่อนยังคงเจิดจรัสอยู่บนเส้นทางลูกหนัง ทั้งในระดับสโมสรและระดับทีมชาติ และยังหาคนสั่นคลอนในตำแหน่งของเขายังไม่ได้เลย

เกียรติประวัติ จานลุยจิ บุฟฟ่อน

    สโมสรปาร์ม่า
  • แชมป์ ยูฟ่า คัพ : 1998–99
  • แชมป์ โคปป้า อิตาเลีย คัพ : 1998–99; Runner-up : 2000–01
  • แชมป์ อิตาลี ซุปเปอร์ คัพ : 1999
สโมสรยูเวนตุส
  • แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี : 2001–02, 2002–03, 2004–05, 2005–06, 2011–12, 2012–13, 2013–14, 2014–15, 2016-17
  • Runner-up : 2008–09
  • Serie B : 2006–07
  • แชมป์ โคปป้า อิตาเลีย คัพ : 2014–15
  • Runner-up : 2001–02, 2003–04, 2011–12
  • แชมป์ อิตาลี ซุปเปอร์ คัพ : 2002, 2003, 2012, 2013, 2015
  • รองแชมป์ อิตาลี ซุปเปอร์ คัพ : 2005, 2014
  • รองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก : 2002–03, 2014–15, 2016-17
ระดับทีมชาติ
  • แชมป์ ฟุตบอลโลก : 2006
  • รองแชมป์ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป : 2012
  • FIFA Confederations Cup Bronze : 2013
  • UEFA Under-21 European Championship : 1996
  • Mediterranean Games : 1997

วันพุธที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ตำนาน ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ เจ้าของฉายา “หมาป่าเหลือง-แดง”



ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ถวายชีวิตในฐานะนักฟุตบอลกับ โรม่า มาตลอดชีวิตการค้าแข้ง โดยไม่เคยย้ายไปเล่นให้ทีมไหนเลย สำหรับแฟนบอลหมาป่า เขาเปรียบเสมือนตำนานผู้เป็นสัญลักษณ์ของทีม เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดที่ทีมเคยมีมา การก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียวถึงจุดเริ่มต้นของสุดยอดนักเตะคนนี้ นับตั้งแต่ลงสนามให้ทีมครั้งแรกด้วยวัยเพียง 16 ปีเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 1993 ถัดจากนั้น 1 ปี ต๊อตติ สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ ก่อนที่จะใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองเพียง 3 ปี


“เจ้าชายหมาป่า” ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ


ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ เกิดวันที่ 27 กันยายน 1976 (ปัจจุบันอายุ 40 ปี) สูง 180 เซนติเมตร เล่นตำแหน่ง กองหน้า สังกัดสโมสร โรม่า สวมเสื้อเบอร์ 10 ต๊อตติ เริ่มต้นการเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 4 ขวบ และก้าวสู่ฟุตบอลอาชีพช่วง 1989 โดยอยู่กับทีมเยาวชนโรม่า ซึ่งในช่วงนั้นมีทีมสโมสรยักษ์ใหญ่มาตามจีบและยื่นข้อเสนอให้ต๊อตติ แต่เขาจำเป็นต้องฝืนใจปฏิเสธ เพราะเนื่องจากเขาต้องการอยู่กับครอบครัวและอยากอยู่ทีมในบ้านเกิด จึงทำให้เขาเลือกที่จะอยู่กับโรม่า


ต๊อดติ เข้ามาเป็นนักเตะของโรม่าจากการเป็นตัวสำรองข้างสนาม ก่อนที่เขาจะพิสูจน์ตัวเองและก้าวเข้ามาเป็นตัวจริงโดยใช้เวลาร่วม 3 ปี ด้วยความสามารถที่โด่ดเด่ด เขาจึงได้รับมอบหมายให้เป็นกัปตันทีมด้วยวัยเพียง 20 ปีเท่านั้น ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ของทีม ที่มีกัปตันทีมอายุน้อยที่สุด เขาได้มีส่วนคว้าทีมแชมป์ อิตาลี ในปี 2001โดยลงเล่นทั้งหมด 30 นัด ยิงได้ 13 ประตู จึงเป็นที่มาของฉายา “เจ้าชายหมาป่า” ต่อจากรุ่นพี่ จูเซ็ปเป้ จานนินี่


ด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงในช่วงนั้นจึงทำให้เขาติดตัวทีมชาติ ซึ่งเป็นทีมเต็งหนึ่ง แน่นอนว่า ต๊อตติ ก็ได้แผลงฤทธิ์ออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้เขาไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ แต่ด้วยความเก่งของ ต๊อดติ จึงทำให้เขาได้ตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ มาครอง จากนั้นเขาก็กลายเป็นนักเตะที่น่าจับตา และถูกตั้งความหวังในการช่วยพาทีมชาติคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกคั้งต่อไป


ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ถือว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของ สโมสร โรม่า ก็ว่าได้ ต๊อดติได้ถวายชีวิตในฐานะนักฟุตบอลกับ โรม่า มาตลอดชีวิตการค้าแข้ง โดยไม่เคยย้ายไปเล่นให้ทีมไหนเลย สำหรับแฟนบอลหมาป่า เขาเปรียบเสมือนตำนานผู้เป็นสัญลักษณ์ของทีม เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดที่ทีมเคยมีมา การก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียวถึงจุดเริ่มต้นของสุดยอดนักเตะคนนี้

วันอังคารที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2560

สิโรจน์ ฉัตรทอง จากเด็กหนุ่มบ้านนอกคอกนา สู่นักเตะชื่อดัง

เปิดประวัติ เส้นทางสู่ดวงดาว สิโรจน์ ฉัตรทอง



สิโรจน์ ฉัตรทอง ปัจจุบันเล่นตำแหน่ง กองหน้า ให้กับสังกัด เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยวัย 24 ปี สิโรจน์ เกิดวันที่ 8 ธันวาคม 1992 สูง 184 เซนติเมตร ชื่อเล่น "ปีโป้" มีพี่น้องรวมทั้งหมด 6 คน ปีโป้เป็นน้องเล็กคนสุดท้ายของครอบครัว เขาชื่นชอบกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก แต่ไม่เคยมีพื้นฐานทักษะหรือเคยเรียนโรงเรียนกีฬามาก่อน เพราะฐานะที่บ้านยากจน เขาจึงได้อาศัยความขยัน อดทน และความมุ่งมานะ แลกเพื่อจะได้เล่นฟุตบอล

"ปีโป้" เริ่มเล่นฟุตบอลจริงจังตอนอายุ 16 ปี ช่วงนั้นทุกๆตี 5 เขาจะตื่นมาวิ่ง เพื่อฝึกร่างกายให้แข็งแรงอึกกว่าคนอื่นเพื่อที่จะไปขอทดสอบฝีเท้ากับ สุรินทร์ เอฟซี และเมื่อโชคชะตาจะเข้าข้าง เพราะความบ้าบิ่นการแย่งลูกของฝั่งตรงข้ามที่เข้าประชิดตัว ทำให้เขาถูกชักชวนให้ไปคัดตัวกับทาง นนทบุรี

จากเด็กหนุ่มจังหวัดสุรินทร์ ในตอนนั้น เขาได้เข้าเมืองกรุงครั้งแรกด้วยเงินจำนวน 2,000 บาท เพื่อที่จะมาร่วมทีมกับ นนทบุรี เอฟซี ซึ่งช่วงแรกที่เขามาอยู่ เขาได้ค่าเหนื่อยเพียงวันละ 300 บาท อยู่ได้ไม่นาน “บีซีซี เทโร” ก็ได้คว้าตัวไปร่วมทีม และให้ค่าเหนื่อยถึงเดือนละ 50,000 และเขาก็ทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง จนทาง “อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด” เล่งเห็นถึงความสามารถและศักยภาพของ สิโรจน์ จึงยื่นข้อเสนอพร้อมกับค่าเหนื่อยต่อเดือน เดือนละ 80,000 โดยจะลงเล่นในดิวิชั่น 1

ช่วงที่เขาอยู่กับ “อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด” ผลงานของเขาเป็นที่โด่ดเล่นเป็นอย่างมาก ความเป็นดาวเริ่มเปล่งประกายออกมาเมือนตอน โค้ชซิโก้ “เกียติศักดิ์ เสนาเมือง” ซึ่งตอนนั้นเป็นโค้ดให้กับทีมชาติไทย เรียกตัวไปทดสอบและคัดเลือก จนกระทั่งเขาได้ลงสนามการแข่งขัน และทำประตูให้ 3 ประตู

ปัจจุบัน สิโรจน์ ค้าแข้งให้กับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 13 ล้านบาท และกลายเป็นแข้งหลักอีกคนหนึางของ เมืองทอง จากเด็กบ้านนอกที่วิ่งตามหาฝัน แม้ว่าที่บ้านจะไม่มีฐานะร่ำรวย แต่ด้วยความมานะอดทนจึงทำให้เขาได้มีทุกวันนี้

วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ชาริล ชัปปุยส์ เทพบุตรล้านเมีย!! วงการลูกหนัง

“ชาริล ชัปปุยส์” ลูกครึ่งไทย-สวิสฯได้คำสมญานามว่า เทพบุตรล้านเมีย!

ชาริล ชัปปุยส์ ลูกครึ่งไทย - สวิสฯ เป็นบุตรคนเดียวของ “ดาเนียล ชัปปุยส์” ชาวสวิส และ “ไพลิน ชัปปุยส์” มารดาชาวไทย เขาเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลด้วยอายุเพียง 7 ขวบ ด้วยศักยภาพที่มากมายทำให้เขาได้ก้าวเขาสู่นักเตะอาชีพได้อย่างรวดเร็ว โดยสังกัดสโมสรของกล๊าสสฮอปเปอร์

เขาได้เล่นฟุตบอลระดับชาติให้สวิตเซอร์แลนด์รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี และชัปปุยส์ก็ได้มีส่วนร่วมได้พาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก และเขาก็ได้รับอาการบาดเจ็บจากการแข่งขันครั่งนั้นจนทำให้หยุดพักแข้งไปนานพอสมควร

หลังที่เจ้าตัวกลับมาลงเล่นอีกครั้ง ้เขาก็รู้สึกว่าตัวเองต้องเปลี่ยนย้ายสโมสรบ่อย พอเมื่อทางสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ของประเทศติดต่อไป ชัปปุยส์ จึงรีบตอบตกลง ซึ่งตอนนั้นเอง อรรถพล บุษปาคม เป็นผู้จัดการทีม ชาริล ชัปปุยส์ ทำสัญญากับบุรีรัมย์ 2 ปี และเขาได้ลงเป็นตัวจริงตั้งแต่นัดแรก ซึ่งช่วงที่อยู่กับ “ปราสาทสายฟ้า” เขาก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์กอบรางวัลได้มากมาย จนกระทั่ง อเล็กซานเดอร์ กามา เข้ามาควบคุมทีม จึงส่งตัว ชาริล ชัปปุยส์ ให้สโมสรสุพรรณบุรี เอฟซี ยืมใช้งานจนจบฤดูกาล และไม่นานเขาก็ได้ย้ายแข้งมาเล่นให้กับ สุพรรณบุรี ล่าสุดได้กลายมาเป็นสมาชิกใหม่ของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด หลังเจ้าตัวตัดสินใจไม่ต่อสัญญา กับทาง “สุพรรณบุรี เอฟซี” ซึ่งทาง “สุพรรณบุรี เอฟซี” ก็ไม่ได้แสดงความจำนงที่จะไม่ต่อสัญญากับตัวนักเตะแต่อย่างใดด้วย เพราะรู้ว่าตัวนักเตะก็ต้องการจะย้ายทีมเช่นเดียวกัน

วันพฤหัสบดีที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2560

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นักเตะรักเด็ก



นิสัยส่วนตัวที่ทำเอาหลายถึงกับงง ภายใต้ลุค Bad Boy ที่แท้จริงแล้ว โรนัลโด้ ไม่ดื่มเหล้า เนื่องจากพ่อของเขาเสียชีวิตเพราะดื่มเหล้า อาจจะมีจิบไวน์บ้างเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งหนึ่งที่ โรนัลโด้ ชอบมากเป็นพิเศษนั่นคือ การบริจาคเลือด เพราะเขาชอบที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ โดยเจ้าตัวขอประกาศและให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "ผมไม่รอยสัก เพราะมันเป็นอุปสรรคในการบริจาคเลือด"



คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นนักฟุตบอลมืออาชีพที่เป็นที่รู้จักกันโลก ภายใต้การเป็นนักเตะแล้ว เขายังเป็นนักบุญที่มีจิตใจ อื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีเมตา ต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งอาจมีหลายๆคนไม่รู้ว่าเขาควักเงินตัวเองช่วยเหลือการกุศลต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเด็กๆ มีเหตุการณ์สึนามิที่อินโดนีเซีย เด็กน้อยผู้รอดชีวิตสวมเสื้อทีมชาติโปรตุเกส สร้างความประทับใจให้ โรนัลโด้ อย่างสุดซึ้ง ถึงกับเดินทางไปมอบเสื้อและกำลังใจให้กับเด็กคนดังกล่าว นอกจากนี้ยังบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเด็กป่วยอีกมากมาย รวมถึง บริจาคเงินกว่า 75 ล้านบาท

วันอังคารที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ชวิตพลิกผลัน!! จากเด็กสลัมสู่ซุปเปอร์สตาร์ "อังเคล ดิ มาเรีย"

484ef1bd2bea6f07df7592a3433ff1b0.jpg

อังเคล ดิ มาเรีย ถือเป็นหนึ่งในนักเตะชั้นนำของโลกฟุตบอล ที่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากเด็กสลัมสู่ความเป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก

อังเคล ฟาเบียน ดิ มาเรีย เอร์นานเดซ หรือ อังเคล ดิ มาเรีย เป็นนักเตะชาวอาร์เจนติน่า สูง 180 เซนติเมตร หนัก 70 กิโลกรัม เล่นในตำแหน่งกองกลาง ถนัดเท้าซ้าย อังเคล ดิ มาเรีย เกิดในย่านที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม และยาเสพติด เขาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 7 ปี กับทีมระดับท้องถิ่น โตริโต้ โดยได้แรงบันดานใจจากคุณพ่อของเขาเอง ที่เป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรริเวอร์ เพลท ซึ่งบาดเจ็บหัวเข่าจนต้องเลิกเล่นไป พอเมื่อปี 2005

เขาได้เริ่มต้นจากการเป็นนักเตะฝึกหัดของสโมสรโรซาริโอ เซนทรัล และเริ่มต้นอาชีพฟุตบอลอย่างเต็มตัวเหลังถูก เบนฟิก้า ลิสบอน ซื้อตัวไปด้วยราคา 6.80 ล้านปอนด์ ด้วยศักยภาพและความสามารถที่โดดเด่ด ทำให้ อังเคล ดิ มาเรีย เรื่องรือถึงหู “ราชันชุดขาว” ไม่นานเขาก็ได้โยกแข้งของไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ด้วยราคา 28.05 ล้านปอนด์ จากการย้ายไปครั้งนั้นทำให้ชื่อเสียงของเขาก้องโลก ด้วยสถิติที่จอมแอสซิสต์แห่งปีในฤดูกาล 2013/14 ประกอบกับสไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ จนกระทั่งการมาของแกเร็ธ เบล ทำให้ ดิ มาเรีย ต้องเปลี่ยนไปเล่นในต่ำแหน่งใหม่ แต่ก็ประสบความสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง แต่แล้วเขาก็ถูกเป็นตัวสำรองข้างสนาม จนทำให้เขาตัดสินย้ายทีมอีกครั้ง แต่แล้วการเดินทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเมื่อเขาย้ายมาพึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวสูงสุดในลีก 63.75 ล้านปอนด์ ด้วยการสวมเสื้อหมายเลข 7 ที่สร้างตำนานมาหลายรุ่น แต่แล้วก็มีปัญหาเรื่องสไตล์การเล่นที่ขัดกับ หลุยส์ ฟาน กัล จึงเป็นที่มาของการย้ายทีม

สุดท้ายแล้วหากเป็นคนที่ใช่แต่มาในเวลาที่ไม่ใช่ก็คือคนไม่ใช่อยู่ดี อังเคล ดิ มาเรีย ต้องย้ายทีมอีกครั้ง ในเดือนสิงหาคม 2015 ไปอยู่กับยอดทีมแห่งลีกน้ำหอมอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยค่าตัว 53.55 ล้านปอนด์ ในช่วงแรกมีติดขัดอยู่บ้าง เนื่องจาก ดิ มาเรีย หอบหิ้วอาการบาดเจ็บไปด้วย แต่หลังจากเกมที่ 3 ดิ มาเรีย ก็ไม่เคยถูกถอดให้เป็นตัวสำรองอีกเลย ผลงานของเขาเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จนกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีเหมือนกันสมัยที่ค้าแข้งให้กับ เรอัล มาดริด จนสามารถยึดจำแหน่งตัวจริงได้ และกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ทัพปารีสเซียงคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก สมัยแรกได้อย่างสวยงาม

เกียรติประวัติ อังเคล ดิ มาเรีย

เบนฟิก้า ลิสบอน
  • แชมป์ ลีก้า ซาเกรส ฤดูกาล 2009-2010
  • แชมป์ ทาช่า ดา ลีก้า ฤดูกาล2008-2009 และ 2009-2010
เรอัล มาดริด
  • ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาล 2013-2014
  • ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ 2014
  • ลาลีก้าสเปน 2011-2012
  • โคป้า เดล เรย์ 2010-2011 และ 2013-2014
  • ซุปเปอร์โคปา เด เอสพานญ่า 2012
ระดับทีมชาติ
  • แชมป์ฟุตบอลโลกระดับเยาวชนปี 2007
  • เหรียญทองโอลิมปิก ปี 2008
  • รองแชมป์ ฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล